วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!

ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!


ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
      หลังคดีหั่นศพน้องแอ๋ม กลายเป็นคดีสุดสะเทือนขวัญที่สุดในตอนนี้ จนสังคมมีการเรียกร้องให้ศาลตัดสินโทษประหารชีวิตผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ อย่างไรก็ตามแม้จะมีโทษประหารแต่ประเทศไทยไม่ได้มีการประหารชีวิตนักโทษเกิดขึ้นมานานแล้ว หากไม่นับการประหารชีวิตนักโทษด้วยการยิงเป้าและฉีดยา จาม.com ขอพามารู้จักกับนักโทษประหารชีวิตด้วยการ "ตัดหัว" คนสุดท้ายของประเทศไทย ที่ก่อคดีสะเทือนสุดสะเทือนขวัญยิ่งกว่าแก๊งสาวฆ่าหั่นศพ!!
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
     ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2461 มีการประหารชีวิตนักโทษคนสำคัญรายหนึ่งที่ผู้คนในสมัยนั้นต่างจับตา!! นักโทษรายนี้มีชื่อว่า "นายบุญเพ็ง" ฆาตกรที่เหี้ยมโหดที่สุดในสมัยรัชกาลที่ 6 ซึ่งหลายคนอาจจะรู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างดีกับฉายา "บุญเพ็ง หีบเหล็ก"  ถึงขนาดต่างประเทศให้ความสนใจและตั้งฉายาว่า "The Murderer Iron Box" ด้วยการกอคดีสุดสะเทือนขวํญ
    โดยเดิมนายบุญเพ็งเป็นภิกษุจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองนนทบุรี เนื่องจากพระบุญเพ็งเป็นพระที่ลูกศิษย์ส่วนมากเป็นผู้หญิงและร่ำรวยจึงทำให้บุญเพ็งมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงเหล่านี้ ต่อมาเกิดโลภมากในทรัพย์จึงได้ฆ่าสีกาที่เป็นเศรษฐินีเจ็ดคน แล้วนำศพยัดใส่หีบเหล็กแล้วถ่วงน้ำทุกครั้ง ผู้คนจึงเรียกเขาว่า บุญเพ็งหีบเหล็ก ต่อมาเขาถูกจับได้และประหารชีวิตในที่สุด โดยบุญเพ็งเป็นนักโทษประหารชีวิตคนสุดท้าย ที่ถูกสังหารโดยการตัดคอ และกลายเป็นเล่าขานกันมาว่าขณะที่ประหารเพชฌฆาตไม่สามารถตัดคอบุญเพ็งได้ในทีแรกเนื่องจากความแก่กล้าในคาถาอาคม ก่อนจะประหารได้สำเร็จในรอบที่ 2  ศพฝั่งอยู่ที่ป่าช้า และทำพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดภาษี เขตวัฒนา ริมคลองแสนแสบ 
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
    ศพสุดท้ายที่บุญเพ็งลงมือฆ่าคือคุณณนายที่ถูกสามีทอดทิ้ง ซึ่งบุญเพญได้เสพสมกับเธออยู่เป็นประจำ จนเธอเกิดตั้งท้องและร้องให้บุญเพ็งรับผิดชอบ แต่เขาไม่พอใจจึงลงมือฆาตกรรมเธอ พอหลังจากนั้นชาวบ้านก็เริ่มระแคะระคาย  ทำให้บุญเพ็งต้องหลบหนีเข้าไปบวชที่วัดแถวอยุธยา แต่ก็ต้องสึกออกมาเพราะต้องการแต่งงานกับหญิงที่หมายปอง  แต่ในวันแต่งงานตำรวจก็ได้ล้อมจับกุมบุญเพ็งเอาไว้แล้ว  เนื่องจากพบหลักฐานหลังมีชาวบ้านไปทอดแหและเจอหีบ 7 ใบ ข้างในหีบมีซากศพถูกหั่นเป็นท่อน ๆ ในที่สุดเขาเขาก็ได้กลายเป็นนักโทษประหารชีวิต ด้วยการตัดคอเป็นคนสุดท้ายของประเทศไทย ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2462 
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
  ภาพขณะเดินเข้าไปในลานประหาร มีชาวบ้านจำนวนมากแห่กันมาดู
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
รูปตอนทางการ เข้าไปคุยครั้งสุดท้าย
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
นายบุญเพ็งพยายามท่องคาถาให้คงกระพันต่อดับที่ฟันมา
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
เพชรฆาตดาบแรก กำลังร่ายรำ
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
ดาบแรกลงไม่เข้าครับ เพราะเหนียวมาก ในตอนนั้นบุญเพ็งอมพระอยู่ในปากและท่องคาถาให้คงกระพัน   คนที่เข้ามาคุย ทราบชื่อว่านายหนุนเป็นเพชรฆาตดาบ 2 
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
สุดท้ายตัดคอได้สำเร็จ!!!
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!
ปัจจุบัน มีศาลบูชาบุญเพ็ง ซึ่งบุคคลในวัดจะเรียกบุญเพ็งว่า "ลุงบุญเพ็ง" และยังเชื่อว่าหีบเหล็กทั้ง 7 ใบนั้นถูกฝังอยู่ใต้ศาลของบุญเพ็งที่วัด
ฆาตกรหั่นศพที่โหดยิ่งกว่าแก๊งหั่นศพน้องแอ๋ม นักโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอคนสุดท้ายของประเทศไทย!!

ขอบคุณภาพและข้อมูลสมาชิกพันทิป phannaphat_express, wiki common

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562

ทำไมคนเราถึงฆ่าตัวตายหมู่?

ทำไมคนเราถึงฆ่าตัวตายหมู่?
ไทยรัฐออนไลน์
ย้อนรอยคดีโจนส์ ทาวน์ ศรัทธา สร้างโศกนาฏกรรม ฆ่าตัวตายหมู่ 909 ศพ
https://www.thairath.co.th/content/873322
การฆ่าตัวตายหมู่อาจเกิดจากความสิ้นหวังต่อโอกาสในชีวิตที่ยากจนหรือเป็นหนี้ หรือว่าถูกกดขี่และจำขัง
กรณีหลังสุดนั้นเป็นเหตุให้เกิดการฆ่าตัวตายหมู่ครั้งแรกเท่าที่รู้กัน นั่นคือที่ป้อมมาซาดาใกล้กับทะเลสาบเดดซี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอิสราเอล ที่นั่นชาวยิวราว 1,000 คน ฆ่าตัวตายในปี 73 หลังถูกล้อมมา 2 ปี พวกเขาไม่ต้องการตกอยู่ในเงื้อมมือของทหารโรมัน และในปี 2009 ชาวนาอินเดียกว่า1,500 คนก็ฆ่าตัวตายหมู่เนื่องจากพืชผลล้มเหลวและเป็นหนี้
ตัวอย่างการฆ่าตัวตายหมู่ที่รู้จักกันดีที่สุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมานั้นเกี่ยวกับเรื่องศาสนา การฆ่าตัวตายมักเกิดตามคำสั่งของผู้นำลัทธิคลั่งที่ดึงดูดสาวกและมักได้แรงบันดาลใจมาจากข้อความเกี่ยวกับวันสิ้นโลกในไบเบิล ตัวอย่างที่ปรากฏสู่สาธารณะมากที่สุดคือสมาชิกของลัทธิพีเพิลส์เทมเพิล นำโดยจิม โจนส์ ซึ่งในปี 1978 ได้ตั้งมั่นอยู่ใน “โจนส์ทาวน์” ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าของกายอานา ในอเมริกาใต้ ขณะรอจะไปยังโลกใหม่ที่ดีกว่านี้ เมื่อตำรวจอเมริกันยืนยันจะตรวจค้นสถานที่ด้วยเหตุผลทางการหนีภาษี ก็เกิดการยิงต่อสู้ขึ้น สาวกส่วนใหญ่ทำตามคำสั่งของจิม โจนส์ โดยวางยาตัวเอง ซึ่งมีคนตาย914 คน
การฆ่าตัวตายหมู่ที่ร้ายแรงที่สุ
เมื่อ 75 A.D. ชาวยิวที่ถูกล้อม 1,000 คน เพราะสงคราม
เมื่อปี 1978 สาวกลัทธิพีเพิลส์เทมเพิล 914 คน เพราะศาสนา
เมื่อปี 2009 ชาวนาอินเดีย 1,500 คน เพราะเศรษฐกิจ
ขอขอบคุณช้อมูลเพื่อการศึกษาจาก :  Science Illustrated Thailand

เจอภูเขาไฟนับร้อยลูกใต้น้ำแข็งแอนตาร์กติกา

เจอภูเขาไฟนับร้อยลูกใต้น้ำแข็งแอนตาร์กติกา


หากภูเขาไฟที่แอนตาร์กติกาเกิดปะทุขึ้นมา โลกอาจเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่หลวง
คณะนักธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ สก็อตแลนด์ ใช้เรดาร์สำรวจภูมิประเทศใต้ชั้นน้ำแข็งหนา 2 กมทางชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอนตาร์กติกา และค้นพบภูเขาไฟใต้น้ำแข็งลูกใหม่ๆ เป็นจำนวน 91 ลูก ภูเขาไฟเหล่านี้มีความสูง 100 . – 4 กมเมื่อรวมกับจำนวนที่เคยค้นพบก่อนหน้า 47 ลูก ก็เท่ากับว่าชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอนตาร์กติกามีภูเขาไฟถึง 138 ลูก นับเป็นหนึ่งในบริเวณที่มีภูเขาไฟชุกชุมที่สุดบนโลก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแอนตาร์กติกายังมีภูเขาไฟซ่อนอยู่อีกเยอะ
นักวิทยาศาสตร์สังเกตว่าบริเวณที่มีการปะทุของภูเขาไฟบ่อยครั้งมักเป็นพื้นที่ที่ธารน้ำแข็งกำลังถอยร่น เช่น เกาะไอซ์แลนด์ และ อะลาสก้า ทำให้หลายคนตั้งข้อสันนิษฐานว่าเมื่อน้ำหนักของน้ำแข็งที่กดทับภูเขาไฟลดลง ภูเขาไฟก็จะปลดปล่อยพลังออกมามากขึ้น ดังนั้นการค้นพบภูเขาไฟจำนวนมากที่แอนตาร์กติกาจึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เพราะไม่มีใครรู้ว่าพวกมันเป็นภูเขาไฟที่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งภาวะโลกร้อนกำลังเดินหน้าเข้าขั้นวิกฤติ หากชั้นน้ำแข็งแอนตาร์กติกาละลายบางลง ภูเขาไฟข้างใต้อาจปะทุขึ้นมา ความร้อนจากแม็กม่าจะเร่งให้น้ำแข็งละลายเร็วขึ้นส่งผลให้ภูเขาไฟลูกอื่นๆ ปะทุตามกันเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ หนำซ้ำยังเป็นการละลายจากข้างใต้ชั้นน้ำแข็ง ทำให้แผ่นน้ำแข็งเสียสมดุล มีโอกาสเลื่อนไถลลงทะเลพรวดเดียวจนทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อให้เกิดมหาภัยพิบัติทั่วโลก
ขอขอบคุณข้อมูลเพื่อการศึกษา :   Science Illustrated Thailand.
Tagged on:

Gideon Mantell ชายผู้ค้นพบไดโนเสาร์ เรื่องจริงที่เป็นยิ่งกว่าละคร

Gideon Mantell ชายผู้ค้นพบไดโนเสาร์ เรื่องจริงที่เป็นยิ่งกว่าละคร



Gideon Mantell 


https://th.lifehackk.com/82-gideon-mantell-1092520-4836

สิงหาคม, 2021
Gideon Mantell - ประวัติของนักบรรพชีวินวิทยาที่มีชื่อเสียง - 2021
https://th.lifehackk.com/82-gideon-mantell-1092520-4836
กีเดียน แมนเทลล์ (Gideon Mantell) คือนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก นั่นคือการพบชิ้นส่วนไดโนเสาร์ซึ่งสูญพันธุ์จากโลกไปแล้ว ที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์มานานกว่า 2 ศตวรรษ แต่กลับถูกคู่แข่งแย่งความดีความชอบไป แมนเทลล์ขุดพบซากฟอสซิลขนาดยักษ์ในเหมืองหินบริเวณมณฑลซัสเซ็กซ์ (Sussex) ในปี 1822 และทราบภายหลังว่าเป็นฟันของอีกัวโนดอน(Iguanodon คือสิ่งมีชีวิตในกลุ่มไดโนเสาร์กินพืชถือว่าเป็นช่วงเวลาของการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ แมนเทลล์รู้ทันทีว่าสิ่งที่เขาขุดพบเป็นชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิตจากยุคดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่มีใครรู้จัก
ในช่วงทศวรรษแรกๆ นักวิทยาศาสตร์ยังสับสนกับการค้นพบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ เพราะหลายคนเชื่อว่าเศษกระดูกที่ขุดพบเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ยักษ์ มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ่งที่แมนเทลล์ขุดพบเป็นเพียงชิ้นส่วนของสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์เท่านั้น
แม้แมนเทลล์จะรู้ดีว่าเขาเป็นผู้ค้นพบความจริงที่ยิ่งใหญ่ แต่แวดวงวิทยาศาสตร์สมัยนั้นทำใจยอมรับไม่ได้กับการค้นพบที่จะนำไปสู่การสนับสนุนแนวคิด “กำเนิดสปีชีย์” (The Origin of Species) ที่เผยแพร่โดยชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) ในปี 1859 ซึ่งเป็นทฤษฎีเกี่ยวกับวิวัฒนาการที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างความเชื่อทางศาสนาและวิทยาศาสตร์
ผู้ศรัทธาในศาสนาจึงก่อตั้งกลุ่มต่อต้านวิทยาศาสตร์ขึ้นมา สมาชิกคนหนึ่งในนั้นคือริชาร์ด โอเว่น(Richard Owen) ที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในกลุ่มชนชั้นสูง มีความสนิทสนมกับราชวงศ์ และให้ความช่วยเหลือในการสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ (The Natural History Museum) ในลอนดอน แต่กลับไม่เคยมีความกระตือรือร้นที่จะเป็นนักขุดหาซากฟอสซิลแม้แต่น้อย
ชายผู้นี้มีความเชื่ออย่างฝังใจและพยายามพิสูจน์ให้สาธารณชนรับรู้ว่าไดโนเสาร์เกิดจากการสรรค์สร้างของพระเจ้า เป็นอสุรกายที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา มากกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถือได้ว่าบรรพบุรุษของพวกเรา และเขาก็ทำได้ดีเสียด้วย โอเว่นคือผู้ที่เข้ามาทำให้การค้นพบของแมนเทลล์ดูสับสนจนการวิจัยขาดความน่าเชื่อถือ
ภายใต้การสนับสนุนจากเหล่าขุนนางและนักวิทยาศาสตร์หัวเก่า เขาใช้อิทธิพลในการระบุสิ่งที่ควรจะเป็นซากฟอสซิลว่าเป็น “สัตว์ร้ายที่เกิดจากการรังสรรค์โดยหัตถ์ของพระเจ้า” ในขณะเดียวกันก็ตั้งชื่อให้มันว่า “ไดโนเสาร์” และยังให้ข้อมูลต่อไปอีกว่า ผู้คนในยุคนั้นเต็มใจเชื่อเรื่องสัตว์ในเทพนิยายอย่างม้ายูนิคอร์น และไดโนเสาร์ก็เข้ามาถูกจังหวะเวลาพอดิบพอดี ชาวบ้านจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าไดโนเสาร์เป็นเพียงสัตว์ในจินตนาการ
แต่แทนที่ความดีความชอบจะตกเป็นของผู้ค้นพบอย่างแมนเทลล์ กลับกลายเป็นโอเว่นที่ได้รับเครดิตไปเต็มๆ แมนเทลล์อยากผันตัวเองสู่การเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้มั่งคั่งแต่ทำไม่ได้ กลับกลายเป็นว่าทำให้ทั้งครอบครัวจนกรอบลงไปกว่าเดิม ภรรยาผู้ทนทุกข์ทรมานของแมนเทลล์ก็หอบลูกหนีไป เขากลายเป็นคนที่ไม่เหลืออะไรเลย โอเว่นเข้าไปเยี่ยมแมนเทลล์ที่เป็นอัมพาตจากการตกม้า และนำฟันอีกัวโนดอนไปสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง 
เรื่องนี้ทำให้เกิดคำถามที่ว่าอภิสิทธิ์ในการเข้าถึงวิทยาศาสตร์ยังคงมีอยู่ มีผู้หญิงกี่คน มีคนกี่เชื้อชาติ หรือคนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มอภิสิทธิ์ชนจำนวนเท่าไร ที่ได้เข้าถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เห็นได้ชัดว่าการผลักดันให้เกิดการวิจัยภายใต้การควบคุมและความเชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญ”
เดวิด อันวิน (David Unwin) ผู้ศึกษาซากดึกดำบรรพ์หรือซากฟอสซิลที่มหาวิทยาลัยเลสเตอร์ เห็นด้วยว่าการวิจัยในปัจจุบันหลายครั้งยังคงเกิดขึ้นจากความต้องการของกลุ่มนายทุนหรือกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ตัวอย่างที่เห็นได้ในปัจจุบันคือ รายงานเรื่องซากฟอสซิลในประเทศจีน ที่ถือเป็นยุคทองของผู้ศึกษาซากดึกดำบรรพ์ แต่คนที่ได้รับประโยชน์ที่แท้จริงจากฟอสซิลก็หนีไม่พ้นกลุ่มผู้มีอำนาจและกลุ่มผู้ทรงอิทธิพล ไม่แตกต่างจากยุคของโอเว่นและแมนเทลล์เลยแม้แต่น้อย.
ขอขอบคุณข้อมูลเพื่อการศึกษา :   Science Illustrated Thailand.

TOP 5 ภูเขาที่สูงที่สุดในระบบสุริยะ




คุณรู้หรือไม่ว่าภูเขาที่สูงที่สุดในระบบสุริยะชื่อว่าอะไร? Science Illustrated จะพาคุณไปรู้จักกับ 5 อันดับภูเขาที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในระบบสุริยะกัน…
5.ยอดเขาบูซาลใต้
ดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดี
ความสูง: 17.5 กิโลเมตร
ยอดที่สูงที่สุดของเทือกเขาบูซาลมอนเตสซึ่งเกิดจากเพลตเทคโทนิกส์ของดวงจันทร์ไอโอ
4.แอสเครียสมอนส์
ซีกเหนือของดาวอังคาร
ความสูง: 18.2 กิโลเมตร
ยอดที่สูงที่สุดของระบบภูเขาไฟซึ่งประกอบด้วยภูเขาไฟรูปโล่ใหญ่ 3 ลูก
3.อิควาทอเรียลริดจ์
ดวงจันทร์ไออาพิตัสของดาวเสาร์
ความสูง: 20 กิโลเมตร
เป็นส่วนหนึ่งของแนวเขาที่ซับซ้อนและมียอดเขาสูงหลายยอด
2.เรียซิลเวียมอนส์
ดาวเคราะห์น้อยเวสต้า
ความสูง: 22 กิโลเมตร
ตรงใจกลางเกิดจากหลุมเครเตอร์อุกกาบาตที่กว้าง 200 กิโลเมตร
1.โอลิมปัสมอนส์
ดาวอังคาร
ความสูง: 25 กิโลเมตร
เป็นภูเขาไฟรูปโล่ยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางตรงฐาน 624 กิโลเมตร
(ข้อมูลในปี 2017)

ขอขอบคุณข้อมูลเพื่อการศึกษา :   Science Illustrated Thailand.
Tag