วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2561

5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย (ตอนที่1)

5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย (ตอนที่1)

5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย (ตอนที่1)

อันดับ 1: น้ำท่อส้วม
4 มกราคม 2550 ชาวบ้าน อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ และหมู่บ้านใกล้เคียง
มาดูสิ่งประหลาดในรั้วของบ้านหลังหนึ่งที่มีน้ำผุดขึ้นจากดินไหลนองไป ทั่วบริเวณ โดย
ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้น้ำดังกล่าวไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และเป็นสิริมงคล
เจ้าของพื้นที่ที่น้ำผุด กล่าวว่า เห็นสนามหน้าบ้านผิดสังเกตตั้งแต่ในช่วงเช้า เมื่อตรวจสอบพบว่ามีน้ำซึมออกมาจากดิน เมื่อลองเอานิ้วเขี่ยดู น้ำยิ่งออกมากขึ้น คืนก่อน ตนได้ฝันเห็นยายซึ่งเสียชีวิตไปแล้วมาเข้าฝัน บอกว่าไม่สบายอยากได้ยาพาราเซตามอล เมื่อ
ตนเดินไปหยิบยามาให้ ยายก็หายไปแล้ว ตอนเช้าน้ำก็ผุดขึ้นมา ทำให้นึกถึงฝันและเชื่อ
ว่าเป็นยารักษาโรคจึงได้เอาธูปเทียนดอกไม้มาบูชา และขอน้ำไปเก็บไว้เพราะเชื่อว่ารักษาโรคได้ รอตักน้ำตั้งแต่ตอนเช้ากว่าจะได้ตักน้ำก็เกือบ
เที่ยง โดยนำธูปเทียน-เงินถวายจำนวน 20 บาท วางใส่ในถาดดอกไม้ คงเป็นบุญของชาวบ้านที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นใจชาวบ้านที่อยู่ในสภาวะข้าวยาก หมากแพง จึงประทานน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้รักษาโรคคนยาก
คนจน ชาวบ้านต่างขอตักน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปบ้าน ขณะที่น้ำใต้ดินก็ผุดขึ้นมาตลอดเวลา ชาว
บ้านที่นั่งรอน้ำผุดขึ้นมามีทั้งน้ำและฟองอากาศ เมื่อชาวบ้านร้องขอให้แสดงปาฏิหาริย์ให้ผุด
ฟองอากาศบ่อน้ำขนาดเล็กก็สำแดงให้เห็นทันที

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้..
เมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากโรงพยาบาล
สมเด็จพระยุพราช ได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ
เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำขณะที่จะเข้าไปตักน้ำ ปรากฏว่าน้ำที่ไหลออกมาอย่างรุนแรงหยุดทันที
และยุบตัวจนพื้นดินแห้ง ซึ่งหลังจากนั้นประมาณ 20 นาที น้ำก็ผุดขึ้นมาอีก ทำให้ชาว
บ้านเชื่อว่าแพทย์ที่ไปเก็บตัวอย่างน้ำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่พอใจ เมื่อไหลออกมาอีก นายสุรินทร์
นิภาโยธิน กำนันตำบลแม่จั๊วะ นำลูกบ้านขุดหาที่มาของน้ำศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว พบท่อเก่าเป็นท่อพีวีซีขนาด 6 หุน มีน้ำไหลออกมา เมื่อขุดตรวจสอบไปอีก พบว่าเป็นท่อจากส้วม
เก่าบ้านติดกันห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 4 เมตรเท่านั้น ซึ่งกำลังสร้างส้วม และการเปลี่ยน
ปั๊มน้ำเพื่อสูบน้ำเข้าไปในส้วม เมื่อชาวบ้านทราบว่าน้ำดังกล่าวมาจากท่อใน
ส้วมเก่าหลายคนที่ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เข้าไปแล้วถึงกับอาเจียนออกมาทันที


อันดับ 2: แผ่นเจลลดไข้
11 พฤษภาคม 2549 เกิดพายุฝนตกฟ้าคะนองอย่างรุนแรงที่อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ปรากฎวัตถุเรืองแสงคล้ายผีพุ่งไต้หล่นลงมาจากฟากฟ้า เมื่อพายุสงบบ้าน
หลังหนึ่งได้พบสิ่งมีชีวิตประหลาดมีคล้าย ตัวหนอนเป็นปล้อง สีขาวเป็นวุ้น ข้างในลำตัว
มีลักษณะสีขาวขุ่น คล้ายเป็นแกนน้ำแข็ง มีจุดเล็ก ๆ 2 จุดคล้ายตาและมีติ่งยื่นออกมา
คล้ายใบหู มีขนาดเท่าฝ่ามือ พอจับจะหดตัว ใส่ในขวดโหลตัวจะพองใหญ่ขึ้น เจ้าของบ้านหลังจึงนำธูปหมากพลูและดอกไม้มาบูชา เชื่อว่าหาก ครอบครอง 7 วัน จะทำให้
เจริญรุ่งเรือง สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังนำเอาเนื้อเยื่อที่หลุดลุ่ยไป
คลุกเคล้ากับข้าวกินกันในครอบครัวอีกด้วย มีประชาชนเดินทางไปดูเป็นจำนวนมาก
ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ฟ้าประทานมาให้ ก่อนจุดธูปเทียนขอเลขเด็ดไปเเทงหวย
จากจำนวนปล่องที่นับได้จากตัวหนอน

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
จาก ข้อมูลที่ได้มาตามสื่อต่างๆ แท้จริงแล้วหนอนที่ตกมาจากฟ้านั้นนั้นเป็นเพียงเจลลดไข้ที่อมน้ำไว้ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์พันธุวิศวกรรมฯ จึงได้
ทดสอบนำหนอนประหลาดมาเปรียบเทียบกับแผ่นเจลลดไข้ที่แช่น้ำไว้ พบว่าวัตถุทั้ง 2ชิ้น มีลักษณะเหมือนกันทุกประการและหลังจากข่าวได้เผยแพร่ออกไปแผ่นเจลลดไข้ถึง
กับขาดตลาด เนื่องจากผู้คนไปซื้อมาเล่น มีการนำเอาเอาแผ่นเจลมาย้อมสีและตกแต่ง
ประดับไปด้วยวัสดุต่างๆ อย่างสนุกสนาน


อันดับ 3: เสาอาคาร
มีคนงานสาวชาวพม่าตกลงไปในแบบหล่อเสา ขนาดใหญ่ เพื่อนคนงานไม่รู้เลย เทปูน
ซีเมนต์ ฝังร่างเหยื่อทั้งเป็น รู้อีกครั้งก็ตอนแกะแบบเหล็กออกแล้วจึงเห็นเป็นรูปตัวคนในเสาวิศวกรคุมงานสั่งให้คนงานช่วยกันกะเทาะคอนกรีตเพื่อนำศพออกมา เนื่องจากคอนกรีต หล่อเสาดังกล่าวมีความแข็งมาก จึงนำศพออกมาได้เพียงบางส่วน จากนั้นวิศวกรจึงสั่งให้อัดซีเมนต์เข้าไปในรอยกะเทาะ
ดังเดิมและฉาบปูนปิดทับ แต่ก็ยังเป็นรอยที่เสาสองรอย บริเวณตรงกลางเสา ร่องรอยการฉาบปูนซีเมนต์ขนาดใหญ่ปิดทับอยู่ 2จุดลักษณะคล้ายถูกเจาะเนื้อปูนเดิมออกแล้วมีการฉาบปูนใหม่ปิดทับ ผิดกับเสาต้นอื่นที่จะมีลักษณะของเนื้อปูนที่ราบเรียบสม่ำเสมอเป็นเนื้อเดียวกันโดยบริเวณรอยฉาบปูนมีคราบแป้งคล้ายมีคนมาถูหาตัวเลขและมีแผ่นทองคำเปลวมาติดที่ต้นเสานอกจากนี้ยังมีผู้นำสายสร้อยลูกปัดมามาแขวนไว้คล้ายเป็นเครื่องเซ่นไหว้ สักการะ
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
รายการเรื่องจริงผ่านจอได้ติดต่อไปทางวิศวกรผู้สร้างอาคารดังกล่าว ได้คำอธิบายว่า
โครงสร้างของเสาที่อาคารหลังนั้นเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นเสาขนาดเส้น
ผ่าศูนย์กลางขนาด 60 เซนติเมตร ภายในเสาจะเสริมด้วยเหล็กเสริมขนาด 28มิลลิเมตรมัดรวมกัน 
จำนวน 60 เส้น รอยปูนนั้นเกิดจากการไหลเวียนของ วงน้ำปูนขณะเทคอนกรีดบางช่วงน้ำปูนไหลไม่สะดวกซึ่งเกิดจาการติดเหล็กเส้นจำนวนมากทำ
ให้เกิดรอยดัง กล่าว และในขณะทำการหล่อเสานั้นจะมีการตรวจสอบที่ละเอียดอย่างต่อเนื่องก่อนการเทคอนกรีต ขณะเทคอนกรีต และหลังการเทคอนกรีต ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมใดๆ
เช่นเศษลวดหรือเศษไม้ทางผู้ตรวจสอบจะไม่อนุมัติให้เทปูน จึงยากที่จะมีวัสดุแปลก
ปลอมหลุดเข้าไปได้ นอกจากนี้แล้ว จำนวนเหล็กเสริมที่ผูกเรียงกันข้างในนั้นทำให้มี
พื้นที่ภายในเสาเพียง 35 เซนติเมตร ซึ่งแคบกว่าคนจะเข้าไปได้ นอกจากนี้ อาจารย์
ภาควิศวกรรมโยธาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้นำเอา เครื่อง Ultra Sonic ไปตรวจ
สอบ และไม่พบว่ามีสิ่งแปลกปลอมใดๆ อยู่ในเสาต้นนั้นอย่างที่ข่าวลือกล่าวไว้เลย


อันดับ 4: จิ้งจก
8 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บ้านหลังหนึ่งใน อำเภอเสนา จังหวัด
พระนครศรีอยุธยาเจ้าของบ้านตื่นขึ้นมากลางดึกและพบจิ้งจกสีแดงตัวหนึ่งเกาะอยู่ในมุ้ง
ตอนแรกเจ้าของบ้านก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งเช้าจิ้งจกสีแดงก็ยังเกาะอยู่ที่เดิม จึง
อธิษฐานจิตบอกจิ้งจกตัวนั้นว่า "อยากอยู่ด้วยกันก็ได้" พร้อมทั้งยกมือไหว้แล้วเอื้อมมือไป
จับจิ้งจกได้อย่างง่ายดายโดยมันไม่ได้คลานหลบหนีไปไหนและได้ไปนำเอาตู้ปลามาใส่
เลี้ยงไว้ พร้อมตั้งชื่อเจ้าจิ้งจกสีแดงว่า "ถุงเงินถุงทอง" จิ้งจกตัวดังกล่าวมีสีแดงทั้งตัว
ขนาดความยาวประมาณ 10 เซนติเมตร นิ้วเท้าทั้ง 4 ข้าง ยังแปลกประหลาดกว่าจิ้งจก
ทั่วไป ปกติจะมีนิ้วข้างละ 4 นิ้ว แต่จิ้งจกสีแดงมีนิ้วข้างละ 5 นิ้ว เจ้าของบ้านจับใส่ไว้ในตู้ปลามีมุ้งลวดปิดคลุมไว้ ด้านนอกตู้ได้มีชาวบ้านนำแผ่นทองคำเปลวมา
ปิดไว้ บางรายนำผ้าแพร 3 สี และพวงมาลัยมาผูกไว้ที่หน้าตู้ ประชาชนที่เดินทางไปดูจิ้งจกสีแดงต่าง
แสดง ความตื่นเต้นประหลาดใจ บางคนก็พูดว่าเป็นมันเป็นจิ้งจก นปช.

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้... นาย อรรถกร สุขทวี
ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ปีกและสัตว์เลื้อยคลาน สวนสัตว์ดุสิตกล่าวว่ายังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจิ้งจกดังกล่าวเป็นสายพันธุ์อะไรเนื่องจากยังไม่ เห็นตัวจริง แต่เบื้องต้นจากลักษณะที่บอก คาดว่าอาจเป็นจิ้งจกสายพันธุ์ต่างประเทศที่มีผู้นำเข้ามาเลี้ยงแต่ยังไม่สามารถระบุชื่อพันธุ์ได้ชัดๆ เพราะไม่มีในเมืองไทย ปัจจุบันมีผู้นิยมนำสัตว์เลื้อยคลานจากต่างประเทศเข้ามาเลี้ยงเป็นจำนวนมาก ผู้ชื่นชอบสัตว์เลื้อยคลาน
จากเว็บ siamreptile เชื่อว่าเป็นจิ้งจกบ้านหางอ้วนตัวเมียที่ตกถังสีมา และยังกล่าวไว้ว่าจิ้งจกดังกล่าวนั้นมี 5 นิ้วอยู่แล้วไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดแต่อย่างใด


อันดับ 5: ต้นบุก
24 เมษายน 2550 ชาวบ้านเมืองพิจิตร ต่างมาชุมนุมกัน หลังทราบข่าวว่าที่บ้านหลัง
ดังกล่าวมีต้นไม้ประหลาดผุดขึ้นมาจากพื้นดิน มีลักษณะคล้ายพานพุ่มที่จัดวางบนโต๊ะหมู่
บูชา ต้นไม้ดังกล่าวสูงประมาณ 25 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ซม
หากมองจากทางด้านข้างจะเห็นคล้ายพานพุ่ม แต่ถ้ามองจากด้านบนจะคล้ายใบโพธิ์
เรียงล้อมรอบชาวบ้านที่เดินทางมาดูต้นไม้ประหลาดดังกล่าวต่างพากันจุดธูปเทียน
กราบไหว้ พร้อมทั้งบนบานขอให้มีโชคลาภ เพราะลือกันว่าในงวดที่ผ่านมามีผู้ถูกรางวัล
เลขท้ายสองตัวจากจำนวนก้านธูปที่คนนำมากราบไหว้

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
มัน คือต้นบุก อยู่ในวงศ์เดียวกับต้นบอน (Araceae) เป็นไม้ล้มลุก ลำต้นอวบ ไม่มีแก่น
สูง 3-6 ฟุต มีดอกสีม่วงเหมือนดอกหน้าวัว เป็นพืชท้องถิ่นของ ประเทศญี่ปุ่น จีน ไทยฟิลิปปินส์ และอินโดจีน ในประเทศไทย คนไทยใช้เป็น อาหารกันมาช้านานแล้ว โดยใช้ต้นใบ และหัวบุกมาทำขนม เช่น ขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว) ซึ่งการนำบุกมาทำอาหารจะแตกต่าง กันในแต่ละภาค นอกจากประโยชน์ดังกล่าวแล้ว บุกใช้เป็นไม้ประดับที่สวยงามโดย นักจัดสวนนิยมนำมาประดับตามใต้ร่มเงาของไม้ยืนต้นที่มีป่าโปร่งหรือจะนำมาใส่กระถางเป็นไม้ประดับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น