วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2561

5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย ( ตอนที่2)

5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย ( ตอนที่2)

5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย ( ตอนที่2)

อันดับ 1:ปลาจระเข้
27 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ปทุมธานีพบกับปลาประหลาดที่ลำตัวมีเกล็ดสีดำเทาเงาคล้ายเกล็ดงูเห่า มีลิ้น 2 แฉก ลักษณะแฉกมนคล้ายรูปหัวใจ และมีกลิ่นคาวปลา เหม็นแรงกว่าปลาชนิดอื่นๆ มีความแปลกเหมือนมีลักษณะของอวัยวะในส่วนต่างๆ ของปลา งู จระเข้
รวมกัน เจ้าของปลาดังกล่าวเล่าว่าตนฝันแปลกๆ ฝันเห็นว่ามีผู้หญิงแก่เดินเข้ามาหาและจับมือตนไว้จากนั้นเข้ามากอดเมื่อหญิงแก่คนนั้นกอดตนแล้วสภาพร่างกายของหญิงแก่ก็กลายสภาพเน่าเฟะเหม็น เหมือนศพ จากนั้นตนสะดุ้งตื่น ตอนเช้ามาจึงใส่บาตรทำบุญและจุดธูปไหว้ขอขมาชาวบ้านที่เข้ามาดูต่างพา
กันมาลูบที่ตัวปลา มีบางคนมาขอเกล็ดไปไว้บูชาที่บ้านบ้างจุดธูปไหว้บ้างวันนั้นทั้ง
วันตนไม่เป็นอันขายของ เพราะต้องเดินเข้าออกไปมาหยิบปลาประหลาดให้ชาวบ้านที่แห่มาขอดู

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
ดร. สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบ
ว่า ปลาที่พบคือ ปลาจระเข้ หรือปลาอัลลิเกเตอร์ การ์ อาศัยอยู่มากในแถบรัฐฟลอริดา
ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับปลาชนิดนี้เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร โดยส่วนมากถูกนำเข้ามาในประเทศไทย เพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และเลี้ยงไว้ในบ่อตกปลา ปลาในข่าว
อาจจะมีผู้นำมาเลี้ยงเมื่อเกิดเบื่อก็นำมาปล่อยทิ้ง หรืออาจจะหลุดออกมาในช่วงน้ำท่วมซึ่งใน
ปีพ.ศ.2545ทางกรมประมงประกาศห้ามนำเข้าปลาจระเข้ เนื่องจากเป็นปลากิน
เนื้อ อาจทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำ ด้วยการกินปลาพื้นเมืองที่มีขนาดเล็กกว่า จน
ทำให้ระบบนิเวศเกิดความเสียหายหรือปลาอาจสูญพันธุ์ได้


อันดับ 2: เห็ดเขาเหม็น
22พฤษภาคมมีชาวบ้านล่ำลือกันว่าพบเห็ดประหลาดโผล่ขึ้นมามีลักษณะคล้ายกับ
หนวดปลาหมึก สูงประมาณ 7-8 นิ้ว โผล่ชูหนวดขึ้นมาประมาณ 8-9 หนวด แถมยังมีน้ำ
คล้ายน้ำเมือก เจ้าของเห็ดกล่าวว่าก่อนหน้านี้ตนก็ได้ ฝันเห็นงูสีปีกแมงทับเขียวมรกต
ขนาดใหญ่ 3 ตัว ในฝันนั้นบอกว่างูทั้ง 3 ตัวเป็นผัวเมียและลูกได้มาเกี้ยวพันกันอยู่ในขื่อ
ภายในบ้านของตนแต่ก็ไม่ได้ ฝันอะไรต่อไปอีก เพื่อความสบายใจของเพื่อนบ้านในและ
ผู้ที่พบเห็นตนจึงได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา
เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุที่ดีแก่
ครอบครัวและชุมชน

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
เช่น เดียวกับเห็ดมือผีที่โด่งดังเมื่อหลายปีก่อน เห็ดชนิดนี้อยู่ในกลุ่มของเห็ดเขาเหม็น
(Stink Horn) เห็ด กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษคือ จะส่งกลิ่นเหม็นเมื่อดอกเห็ดแก่เพื่อดึงดูด
แมลงให้มาตอม ซึ่งจะทำให้สปอร์ติดตัวไปกับแมลงเพื่อกระจายพันธุ์ยังที่อื่นได้ เป็นเห็ด
ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากราทั่วไป คือ บางชนิดมีรูปร่างคล้ายการพนมมือไหว้ เช่น เห็ด
ในสกุล Pseudocolus หรือบางชนิดอาจมีลักษณะคล้ายเขาสัตว์


อันดับ 3:ควาย
23 กันยายน 2550 ชาวบ้าน ในจ.ศรีสะเกษจำนวนมากนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ลูกควายประหลาดมีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนสภาพนอนหงาย แขนขากางออกจากกัน
เหมือนกับคนนอนหลับเจ้าของลูกควาย
ประหลาด เปิดเผยว่า มีควายอยู่ทั้งหมด 9 ตัว
แม่ของลูกควายประหลาดนี้เป็นตัวที่5ได้ตกลูก
ออกมาเมื่อมีลักษณะเหมือนคนทุกอย่าง
ตั้งแต่ศีรษะ ปาก จมูกหู รวมทั้งขาทั้ง 4 ข้าง (เหมือนคนทุกอย่าง???) แต่ไม่มีอวัยวะ
ลักษณะของเพศผู้หรือเพศเมีย และลูกควายประหลาดได้เสียชีวิตทันที ตนกับ
สามีจึงได้นำซากควายประหลาดไปฝังดินไว้ใน
นาชาวบ้านได้นำน้ำปะพรมบนซากลูกควาย
ประหลาดและเอาแป้งทาตามร่างของซากลูก
ควายเพื่อขอหวยตาม ความเชื่อของตัวเองอย่าง คึกคักนำเงินมาทำบุญใส่ในขันเงินและหยอดตู้
ไม้ตามแต่ศรัทธา
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
หลวง ปู่เณรดี ฉัตติการิโก ประธานสงฆ์วัดป่าบ้านยาง ต.ยาง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่าอาตมาเห็นว่าการที่ชาวศรีสะเกษพากันแห่ไปกราบไหว้ซากลูกควายประหลาดนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่สามารถจะทำได้ แต่ว่าตามหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ว่าจะต้องให้พุทธศาสนิกชนไปกราบไหว้ซากสัตว์แต่อย่างใด


อันดับ 4: ต้นหว้า
15 กุมภาพันธ์ ปีนี้ ที่ อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมาชาวบ้านจำนวนมากแห่ไป
มุ่งดูและกราบไหว้ต้นหว้าที่มีน้ำไหลออกมา
อย่างขาดสาย เจ้าของที่ดินกล่าวว่าตนเองกำลัง
จะตัดต้นไม้ต้นดังกล่าวเพื่อต้องการ ไถดินเพื่อนำนาแต่หลังจากทำงานมาตลอดทั้ง
วันจึงได้หยุดพักโดยได้นั่งหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ ดังกล่าวซึ่งเป็นต้นหว้า แต่เมื่อนั่งไปได้
ระยะหนึ่งรู้สึกว่ามีหยดน้ำไหลออกมาจากต้นไม้ ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มเดินตรวจ
สอบบริเวณต้นไม้จึงพบว่ามีหยดน้ำที่ไหลลงมา
จากต้นไม้และไม่ ใช่หยดน้ำที่เกิดจาก
น้ำค้างอย่างแน่นอนและเมื่อข่าวแพร่สะพรัดออกไปชาวบ้านจำนวนมากต่างพากันมาดู
พร้อมกับน้ำภาชนะมารองรับน้ำเพื่อนำกลับไปดื่มและอาบเพราะเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์
อีกทั้งชาวบ้านบางส่วนยังเชื่ออีกว่าน้ำที่หยดลงมานั้นเป็นหยดน้ำตาของ ต้นไม้ที่เสียใจ
ว่าจะต้องถูกตัดทิ้งจึงได้ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปตนเองคงจะไม่กล้าที่จะตัดต้นไม้ต้นนี้ทิ้งอย่างแน่ นอนเนื่องจากชาวบ้านต่างมามุงดูและไม่ยอมให้ตนเองตัดทิ้ง

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
ต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นหว้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติความสูงประมาณ 15 เมตร มีอายุ
ราว 20 ปี ซึ่งต้นว่าเป็นต้นไม้ที่รับประทานผลได้ ส่วนสาเหตุของเรื่องประหลาดที่มีน้ำหยดลงมา
นั้นจากการตรวจสอบพบว่าน้ำได้ไหลออกมาจากส่วนใบ ผ.ศ. ยงยุทธ์ จรรยารักษ์ กล่าวว่านี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น ความชื้น ความกดอากาศ สภาวะแวดล้อมและกระบวนการหาอาหารของต้นไม้ ซึ่งในบางครั้งที่อากาศมีความชื้นสัมพันธ์สูง น้ำจะระเหยเป็นไอสู่บรรยากาศได้น้อยลง ทำให้การคายน้ำลดลงแต่แรงดันน้ำในต้นพืชยังสูงอยู่จึงสามารถพบหยดน้ำที่บริเวณกลุ่มรูเปิดที่ผิวใบซึ่งเรียกว่าไฮดาโทด (hydathode) มักพบอยู่ใกล้ปลายใบหรือขอบใบตรงตำแหน่งของปลายท่อลำเลียงการคายน้ำในลักษณะนี้เรียกว่า กัตเตชัน(guttation)ทำให้พืชสามารถดูดน้ำ
ทางรากเข้าไปใช้ได้ไม่ได้เกิดจากความเศร้าเสียใจของต้นไม้แต่อย่างใด


อันดับ 5: ไข่
12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มีชาวประมงพบไข่
ขนาดใหญ่ขนาดเท่าลูกมะพร้าว ซึ่งเจ้าของไข่เปิดเผยว่า ขณะที่เขาตระเตรียม
อวนตาข่ายเพื่อหาปลาได้สังเกตเห็นวัตถุสีขาว
ลักษณะกลมรีคล้ายไข่ไก่ แต่มี
ขนาดใหญ่ผิดปกติ ตั้งอยู่บนพื้นในพงหญ้า จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าลักษณะ
ภายนอกเปลือกแข็งเหมือนไข่ทั่วไป มีสีขาวครีม ส่งกลิ่นคาว ซึ่งชาวบ้านบางคน
คาดว่าสัตว์ที่เป็นเจ้าของคงจะตัวใหญ่มาก และบริเวณที่พบมีน้ำลึกมาก อาจมี
สัตว์น้ำขนาดใหญ่มาอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันบริเวณนั้นอยู่ห่างจากทะเลประมาณ700เมตรถือว่าไม่ไกลมากนักอาจมีสัตว์บางชนิดขึ้นมาจากทะเลแล้ววางไข่ก็เป็นได้ จึงมีการจุดธูปกราบไหว้บูชาและใช้แป้งโรยไปที่ไข่(หมายถึงไข่ใบที่เก็บมาจากทะเล) แล้วใช้มือลูบหวังให้เห็นเลขเด็ด

เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
นาง ระวีวรรณ ยิ่งวรรณศิริ หัวหน้าปศุสัตว์ จ.พังงา เปิดเผยว่า ไข่ที่พบน่าจะเป็นไข่
ของนกกระจอกเทศ โดยที่จังหวัดพังงามีฟาร์มนกกระจอกเทศอยู่ 2-3แห่งลูกจ้างของเจ้าของฟาร์มอาจจะขโมยมาจากที่อื่นแล้วนำมาทิ้งไว้เพื่อจะนำไปปรุงรับประทาน เพราะไข่นกกระจอกเทศนั้นมีราคาแพงมาก ใบละ 100 กว่าบาท แต่เพื่อมั่นใจว่าใช่หรือไม่ ใช่ต้องนำไข่ไปพิสูจน์ในห้องแล็บ แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะจากการสอบถามเจ้าของไข่แล้วไม่ยอมให้นำไปพิสูจน์ และขณะนี้พบว่าไข่ เริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว

(ที่ยกมาเป็นตัวอย่างของการไม่ควรกราบไหว้รวม 10 อย่าง ที่เราได้รัข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์เป็นส่วนใหญ่ คิดว่าเราได้อ่านทั้งเหตุและผลไปแล้ว เราคนไทยก็ควรเลิกเชื่อในสิ่งงมงาย หาสิ่งยึดเหนี่ยวที่มีประโยชน์และสาระกัน ครับ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น