5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย ( ตอนที่2)
5 สิ่งที่ไม่ควรกราบไหว้ในประเทศไทย ( ตอนที่2)
อันดับ 1:ปลาจระเข้
27 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ปทุมธานีพบกับปลาประหลาดที่ลำตัวมีเกล็ดสีดำเทาเงาคล้ายเกล็ดงูเห่า มีลิ้น 2 แฉก ลักษณะแฉกมนคล้ายรูปหัวใจ และมีกลิ่นคาวปลา เหม็นแรงกว่าปลาชนิดอื่นๆ มีความแปลกเหมือนมีลักษณะของอวัยวะในส่วนต่างๆ ของปลา งู จระเข้
รวมกัน เจ้าของปลาดังกล่าวเล่าว่าตนฝันแปลกๆ ฝันเห็นว่ามีผู้หญิงแก่เดินเข้ามาหาและจับมือตนไว้จากนั้นเข้ามากอดเมื่อหญิงแก่คนนั้นกอดตนแล้วสภาพร่างกายของหญิงแก่ก็กลายสภาพเน่าเฟะเหม็น เหมือนศพ จากนั้นตนสะดุ้งตื่น ตอนเช้ามาจึงใส่บาตรทำบุญและจุดธูปไหว้ขอขมาชาวบ้านที่เข้ามาดูต่างพา
กันมาลูบที่ตัวปลา มีบางคนมาขอเกล็ดไปไว้บูชาที่บ้านบ้างจุดธูปไหว้บ้างวันนั้นทั้ง
วันตนไม่เป็นอันขายของ เพราะต้องเดินเข้าออกไปมาหยิบปลาประหลาดให้ชาวบ้านที่แห่มาขอดู
วันตนไม่เป็นอันขายของ เพราะต้องเดินเข้าออกไปมาหยิบปลาประหลาดให้ชาวบ้านที่แห่มาขอดู
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
ดร. สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบ
ดร. สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นทราบ
ว่า ปลาที่พบคือ ปลาจระเข้ หรือปลาอัลลิเกเตอร์ การ์ อาศัยอยู่มากในแถบรัฐฟลอริดา
ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับปลาชนิดนี้เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร โดยส่วนมากถูกนำเข้ามาในประเทศไทย เพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และเลี้ยงไว้ในบ่อตกปลา ปลาในข่าว
อาจจะมีผู้นำมาเลี้ยงเมื่อเกิดเบื่อก็นำมาปล่อยทิ้ง หรืออาจจะหลุดออกมาในช่วงน้ำท่วมซึ่งใน
ปีพ.ศ.2545ทางกรมประมงประกาศห้ามนำเข้าปลาจระเข้ เนื่องจากเป็นปลากิน
เนื้อ อาจทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำ ด้วยการกินปลาพื้นเมืองที่มีขนาดเล็กกว่า จน
ทำให้ระบบนิเวศเกิดความเสียหายหรือปลาอาจสูญพันธุ์ได้
ประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับปลาชนิดนี้เป็นปลาที่กินเนื้อเป็นอาหาร โดยส่วนมากถูกนำเข้ามาในประเทศไทย เพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และเลี้ยงไว้ในบ่อตกปลา ปลาในข่าว
อาจจะมีผู้นำมาเลี้ยงเมื่อเกิดเบื่อก็นำมาปล่อยทิ้ง หรืออาจจะหลุดออกมาในช่วงน้ำท่วมซึ่งใน
ปีพ.ศ.2545ทางกรมประมงประกาศห้ามนำเข้าปลาจระเข้ เนื่องจากเป็นปลากิน
เนื้อ อาจทำลายระบบนิเวศของแหล่งน้ำ ด้วยการกินปลาพื้นเมืองที่มีขนาดเล็กกว่า จน
ทำให้ระบบนิเวศเกิดความเสียหายหรือปลาอาจสูญพันธุ์ได้
อันดับ 2: เห็ดเขาเหม็น
22พฤษภาคมมีชาวบ้านล่ำลือกันว่าพบเห็ดประหลาดโผล่ขึ้นมามีลักษณะคล้ายกับ
หนวดปลาหมึก สูงประมาณ 7-8 นิ้ว โผล่ชูหนวดขึ้นมาประมาณ 8-9 หนวด แถมยังมีน้ำ
คล้ายน้ำเมือก เจ้าของเห็ดกล่าวว่าก่อนหน้านี้ตนก็ได้ ฝันเห็นงูสีปีกแมงทับเขียวมรกต
ขนาดใหญ่ 3 ตัว ในฝันนั้นบอกว่างูทั้ง 3 ตัวเป็นผัวเมียและลูกได้มาเกี้ยวพันกันอยู่ในขื่อ
ภายในบ้านของตนแต่ก็ไม่ได้ ฝันอะไรต่อไปอีก เพื่อความสบายใจของเพื่อนบ้านในและ
หนวดปลาหมึก สูงประมาณ 7-8 นิ้ว โผล่ชูหนวดขึ้นมาประมาณ 8-9 หนวด แถมยังมีน้ำ
คล้ายน้ำเมือก เจ้าของเห็ดกล่าวว่าก่อนหน้านี้ตนก็ได้ ฝันเห็นงูสีปีกแมงทับเขียวมรกต
ขนาดใหญ่ 3 ตัว ในฝันนั้นบอกว่างูทั้ง 3 ตัวเป็นผัวเมียและลูกได้มาเกี้ยวพันกันอยู่ในขื่อ
ภายในบ้านของตนแต่ก็ไม่ได้ ฝันอะไรต่อไปอีก เพื่อความสบายใจของเพื่อนบ้านในและ
ผู้ที่พบเห็นตนจึงได้นำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา
เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุที่ดีแก่
ครอบครัวและชุมชน
เพื่อให้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเหตุที่ดีแก่
ครอบครัวและชุมชน
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
เช่น เดียวกับเห็ดมือผีที่โด่งดังเมื่อหลายปีก่อน เห็ดชนิดนี้อยู่ในกลุ่มของเห็ดเขาเหม็น
(Stink Horn) เห็ด กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษคือ จะส่งกลิ่นเหม็นเมื่อดอกเห็ดแก่เพื่อดึงดูด
แมลงให้มาตอม ซึ่งจะทำให้สปอร์ติดตัวไปกับแมลงเพื่อกระจายพันธุ์ยังที่อื่นได้ เป็นเห็ด
ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากราทั่วไป คือ บางชนิดมีรูปร่างคล้ายการพนมมือไหว้ เช่น เห็ด
ในสกุล Pseudocolus หรือบางชนิดอาจมีลักษณะคล้ายเขาสัตว์
เช่น เดียวกับเห็ดมือผีที่โด่งดังเมื่อหลายปีก่อน เห็ดชนิดนี้อยู่ในกลุ่มของเห็ดเขาเหม็น
(Stink Horn) เห็ด กลุ่มนี้มีลักษณะพิเศษคือ จะส่งกลิ่นเหม็นเมื่อดอกเห็ดแก่เพื่อดึงดูด
แมลงให้มาตอม ซึ่งจะทำให้สปอร์ติดตัวไปกับแมลงเพื่อกระจายพันธุ์ยังที่อื่นได้ เป็นเห็ด
ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากราทั่วไป คือ บางชนิดมีรูปร่างคล้ายการพนมมือไหว้ เช่น เห็ด
ในสกุล Pseudocolus หรือบางชนิดอาจมีลักษณะคล้ายเขาสัตว์
อันดับ 3:ควาย
23 กันยายน 2550 ชาวบ้าน ในจ.ศรีสะเกษจำนวนมากนำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้ลูกควายประหลาดมีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนสภาพนอนหงาย แขนขากางออกจากกัน
เหมือนกับคนนอนหลับเจ้าของลูกควาย
ประหลาด เปิดเผยว่า มีควายอยู่ทั้งหมด 9 ตัว
แม่ของลูกควายประหลาดนี้เป็นตัวที่5ได้ตกลูก
ออกมาเมื่อมีลักษณะเหมือนคนทุกอย่าง
เหมือนกับคนนอนหลับเจ้าของลูกควาย
ประหลาด เปิดเผยว่า มีควายอยู่ทั้งหมด 9 ตัว
แม่ของลูกควายประหลาดนี้เป็นตัวที่5ได้ตกลูก
ออกมาเมื่อมีลักษณะเหมือนคนทุกอย่าง
ตั้งแต่ศีรษะ ปาก จมูกหู รวมทั้งขาทั้ง 4 ข้าง (เหมือนคนทุกอย่าง???) แต่ไม่มีอวัยวะ
ลักษณะของเพศผู้หรือเพศเมีย และลูกควายประหลาดได้เสียชีวิตทันที ตนกับ
สามีจึงได้นำซากควายประหลาดไปฝังดินไว้ใน
นาชาวบ้านได้นำน้ำปะพรมบนซากลูกควาย
ประหลาดและเอาแป้งทาตามร่างของซากลูก
ควายเพื่อขอหวยตาม ความเชื่อของตัวเองอย่าง คึกคักนำเงินมาทำบุญใส่ในขันเงินและหยอดตู้
ไม้ตามแต่ศรัทธา
ลักษณะของเพศผู้หรือเพศเมีย และลูกควายประหลาดได้เสียชีวิตทันที ตนกับ
สามีจึงได้นำซากควายประหลาดไปฝังดินไว้ใน
นาชาวบ้านได้นำน้ำปะพรมบนซากลูกควาย
ประหลาดและเอาแป้งทาตามร่างของซากลูก
ควายเพื่อขอหวยตาม ความเชื่อของตัวเองอย่าง คึกคักนำเงินมาทำบุญใส่ในขันเงินและหยอดตู้
ไม้ตามแต่ศรัทธา
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
หลวง ปู่เณรดี ฉัตติการิโก ประธานสงฆ์วัดป่าบ้านยาง ต.ยาง จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่าอาตมาเห็นว่าการที่ชาวศรีสะเกษพากันแห่ไปกราบไหว้ซากลูกควายประหลาดนี้ ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่สามารถจะทำได้ แต่ว่าตามหลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติไว้ว่าจะต้องให้พุทธศาสนิกชนไปกราบไหว้ซากสัตว์แต่อย่างใด
อันดับ 4: ต้นหว้า
15 กุมภาพันธ์ ปีนี้ ที่ อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมาชาวบ้านจำนวนมากแห่ไป
มุ่งดูและกราบไหว้ต้นหว้าที่มีน้ำไหลออกมา
อย่างขาดสาย เจ้าของที่ดินกล่าวว่าตนเองกำลัง
จะตัดต้นไม้ต้นดังกล่าวเพื่อต้องการ ไถดินเพื่อนำนาแต่หลังจากทำงานมาตลอดทั้ง
วันจึงได้หยุดพักโดยได้นั่งหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ ดังกล่าวซึ่งเป็นต้นหว้า แต่เมื่อนั่งไปได้
15 กุมภาพันธ์ ปีนี้ ที่ อำเภอชุมพวง จังหวัดนครราชสีมาชาวบ้านจำนวนมากแห่ไป
มุ่งดูและกราบไหว้ต้นหว้าที่มีน้ำไหลออกมา
อย่างขาดสาย เจ้าของที่ดินกล่าวว่าตนเองกำลัง
จะตัดต้นไม้ต้นดังกล่าวเพื่อต้องการ ไถดินเพื่อนำนาแต่หลังจากทำงานมาตลอดทั้ง
วันจึงได้หยุดพักโดยได้นั่งหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้ ดังกล่าวซึ่งเป็นต้นหว้า แต่เมื่อนั่งไปได้
ระยะหนึ่งรู้สึกว่ามีหยดน้ำไหลออกมาจากต้นไม้ ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มเดินตรวจ
สอบบริเวณต้นไม้จึงพบว่ามีหยดน้ำที่ไหลลงมา
จากต้นไม้และไม่ ใช่หยดน้ำที่เกิดจาก
น้ำค้างอย่างแน่นอนและเมื่อข่าวแพร่สะพรัดออกไปชาวบ้านจำนวนมากต่างพากันมาดู
สอบบริเวณต้นไม้จึงพบว่ามีหยดน้ำที่ไหลลงมา
จากต้นไม้และไม่ ใช่หยดน้ำที่เกิดจาก
น้ำค้างอย่างแน่นอนและเมื่อข่าวแพร่สะพรัดออกไปชาวบ้านจำนวนมากต่างพากันมาดู
พร้อมกับน้ำภาชนะมารองรับน้ำเพื่อนำกลับไปดื่มและอาบเพราะเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์
อีกทั้งชาวบ้านบางส่วนยังเชื่ออีกว่าน้ำที่หยดลงมานั้นเป็นหยดน้ำตาของ ต้นไม้ที่เสียใจ
ว่าจะต้องถูกตัดทิ้งจึงได้ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปตนเองคงจะไม่กล้าที่จะตัดต้นไม้ต้นนี้ทิ้งอย่างแน่ นอนเนื่องจากชาวบ้านต่างมามุงดูและไม่ยอมให้ตนเองตัดทิ้ง
อีกทั้งชาวบ้านบางส่วนยังเชื่ออีกว่าน้ำที่หยดลงมานั้นเป็นหยดน้ำตาของ ต้นไม้ที่เสียใจ
ว่าจะต้องถูกตัดทิ้งจึงได้ร้องไห้ออกมา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ไปตนเองคงจะไม่กล้าที่จะตัดต้นไม้ต้นนี้ทิ้งอย่างแน่ นอนเนื่องจากชาวบ้านต่างมามุงดูและไม่ยอมให้ตนเองตัดทิ้ง
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
ต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นหว้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติความสูงประมาณ 15 เมตร มีอายุ
ราว 20 ปี ซึ่งต้นว่าเป็นต้นไม้ที่รับประทานผลได้ ส่วนสาเหตุของเรื่องประหลาดที่มีน้ำหยดลงมา
นั้นจากการตรวจสอบพบว่าน้ำได้ไหลออกมาจากส่วนใบ ผ.ศ. ยงยุทธ์ จรรยารักษ์ กล่าวว่านี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น ความชื้น ความกดอากาศ สภาวะแวดล้อมและกระบวนการหาอาหารของต้นไม้ ซึ่งในบางครั้งที่อากาศมีความชื้นสัมพันธ์สูง น้ำจะระเหยเป็นไอสู่บรรยากาศได้น้อยลง ทำให้การคายน้ำลดลงแต่แรงดันน้ำในต้นพืชยังสูงอยู่จึงสามารถพบหยดน้ำที่บริเวณกลุ่มรูเปิดที่ผิวใบซึ่งเรียกว่าไฮดาโทด (hydathode) มักพบอยู่ใกล้ปลายใบหรือขอบใบตรงตำแหน่งของปลายท่อลำเลียงการคายน้ำในลักษณะนี้เรียกว่า กัตเตชัน(guttation)ทำให้พืชสามารถดูดน้ำ
ทางรากเข้าไปใช้ได้ไม่ได้เกิดจากความเศร้าเสียใจของต้นไม้แต่อย่างใด
ต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นหว้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติความสูงประมาณ 15 เมตร มีอายุ
ราว 20 ปี ซึ่งต้นว่าเป็นต้นไม้ที่รับประทานผลได้ ส่วนสาเหตุของเรื่องประหลาดที่มีน้ำหยดลงมา
นั้นจากการตรวจสอบพบว่าน้ำได้ไหลออกมาจากส่วนใบ ผ.ศ. ยงยุทธ์ จรรยารักษ์ กล่าวว่านี่เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น ความชื้น ความกดอากาศ สภาวะแวดล้อมและกระบวนการหาอาหารของต้นไม้ ซึ่งในบางครั้งที่อากาศมีความชื้นสัมพันธ์สูง น้ำจะระเหยเป็นไอสู่บรรยากาศได้น้อยลง ทำให้การคายน้ำลดลงแต่แรงดันน้ำในต้นพืชยังสูงอยู่จึงสามารถพบหยดน้ำที่บริเวณกลุ่มรูเปิดที่ผิวใบซึ่งเรียกว่าไฮดาโทด (hydathode) มักพบอยู่ใกล้ปลายใบหรือขอบใบตรงตำแหน่งของปลายท่อลำเลียงการคายน้ำในลักษณะนี้เรียกว่า กัตเตชัน(guttation)ทำให้พืชสามารถดูดน้ำ
ทางรากเข้าไปใช้ได้ไม่ได้เกิดจากความเศร้าเสียใจของต้นไม้แต่อย่างใด
อันดับ 5: ไข่
12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา มีชาวประมงพบไข่
ขนาดใหญ่ขนาดเท่าลูกมะพร้าว ซึ่งเจ้าของไข่เปิดเผยว่า ขณะที่เขาตระเตรียม
อวนตาข่ายเพื่อหาปลาได้สังเกตเห็นวัตถุสีขาว
ลักษณะกลมรีคล้ายไข่ไก่ แต่มี
ขนาดใหญ่ผิดปกติ ตั้งอยู่บนพื้นในพงหญ้า จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าลักษณะ
ขนาดใหญ่ขนาดเท่าลูกมะพร้าว ซึ่งเจ้าของไข่เปิดเผยว่า ขณะที่เขาตระเตรียม
อวนตาข่ายเพื่อหาปลาได้สังเกตเห็นวัตถุสีขาว
ลักษณะกลมรีคล้ายไข่ไก่ แต่มี
ขนาดใหญ่ผิดปกติ ตั้งอยู่บนพื้นในพงหญ้า จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าลักษณะ
ภายนอกเปลือกแข็งเหมือนไข่ทั่วไป มีสีขาวครีม ส่งกลิ่นคาว ซึ่งชาวบ้านบางคน
คาดว่าสัตว์ที่เป็นเจ้าของคงจะตัวใหญ่มาก และบริเวณที่พบมีน้ำลึกมาก อาจมี
คาดว่าสัตว์ที่เป็นเจ้าของคงจะตัวใหญ่มาก และบริเวณที่พบมีน้ำลึกมาก อาจมี
สัตว์น้ำขนาดใหญ่มาอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันบริเวณนั้นอยู่ห่างจากทะเลประมาณ700เมตรถือว่าไม่ไกลมากนักอาจมีสัตว์บางชนิดขึ้นมาจากทะเลแล้ววางไข่ก็เป็นได้ จึงมีการจุดธูปกราบไหว้บูชาและใช้แป้งโรยไปที่ไข่(หมายถึงไข่ใบที่เก็บมาจากทะเล) แล้วใช้มือลูบหวังให้เห็นเลขเด็ด
เหตุผลที่ไม่ควรกราบไหว้...
นาง ระวีวรรณ ยิ่งวรรณศิริ หัวหน้าปศุสัตว์ จ.พังงา เปิดเผยว่า ไข่ที่พบน่าจะเป็นไข่
ของนกกระจอกเทศ โดยที่จังหวัดพังงามีฟาร์มนกกระจอกเทศอยู่ 2-3แห่งลูกจ้างของเจ้าของฟาร์มอาจจะขโมยมาจากที่อื่นแล้วนำมาทิ้งไว้เพื่อจะนำไปปรุงรับประทาน เพราะไข่นกกระจอกเทศนั้นมีราคาแพงมาก ใบละ 100 กว่าบาท แต่เพื่อมั่นใจว่าใช่หรือไม่ ใช่ต้องนำไข่ไปพิสูจน์ในห้องแล็บ แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะจากการสอบถามเจ้าของไข่แล้วไม่ยอมให้นำไปพิสูจน์ และขณะนี้พบว่าไข่ เริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว
(ที่ยกมาเป็นตัวอย่างของการไม่ควรกราบไหว้รวม 10 อย่าง ที่เราได้รัข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์เป็นส่วนใหญ่ คิดว่าเราได้อ่านทั้งเหตุและผลไปแล้ว เราคนไทยก็ควรเลิกเชื่อในสิ่งงมงาย หาสิ่งยึดเหนี่ยวที่มีประโยชน์และสาระกัน ครับ)
ของนกกระจอกเทศ โดยที่จังหวัดพังงามีฟาร์มนกกระจอกเทศอยู่ 2-3แห่งลูกจ้างของเจ้าของฟาร์มอาจจะขโมยมาจากที่อื่นแล้วนำมาทิ้งไว้เพื่อจะนำไปปรุงรับประทาน เพราะไข่นกกระจอกเทศนั้นมีราคาแพงมาก ใบละ 100 กว่าบาท แต่เพื่อมั่นใจว่าใช่หรือไม่ ใช่ต้องนำไข่ไปพิสูจน์ในห้องแล็บ แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะจากการสอบถามเจ้าของไข่แล้วไม่ยอมให้นำไปพิสูจน์ และขณะนี้พบว่าไข่ เริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว
(ที่ยกมาเป็นตัวอย่างของการไม่ควรกราบไหว้รวม 10 อย่าง ที่เราได้รัข่าวสารจากสื่อหนังสือพิมพ์เป็นส่วนใหญ่ คิดว่าเราได้อ่านทั้งเหตุและผลไปแล้ว เราคนไทยก็ควรเลิกเชื่อในสิ่งงมงาย หาสิ่งยึดเหนี่ยวที่มีประโยชน์และสาระกัน ครับ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น