วันศุกร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2564

 


ความล้มเหลวไม่มีค่าพอจะทำให้ที่คุณหวาดกลัว

1.มีคนเคยบอกผมว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน

เพราะบางครั้งชีวิตที่เคยไปได้สวยของคนเรา ก็อาจสะดุดลงกลางคันโดยไม่รู้สาเหตุ บางคนอาจถูกเลย์ออฟโดยไม่คาดคิด เพราะบริษัทโดนพิษเศรษฐกิจตกต่ำ หรือในความรักแสนสวยงามดังฝัน บางคนอาจถูกบอกเลิกโดยไม่ทันได้เตรียมใจ

หลายคนคงรู้จักสตีฟ จอบส์ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล บริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สินค้าแทบทุกชิ้นของเขาล้วนได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นไอพอด ไอโฟน หรือไอแพด

ด้านหนึ่งเราเห็นเขาประสบความสำเร็จมากเสียจนจินตนาการภาพความล้มเหลวของผู้ชายคนนี้ไม่ออก หารู้ไม่ว่าถ้าวัดกันแล้วสตีฟ จอบส์อาจเป็นหนึ่งในคนที่เคยล้มเหลวมากที่สุดในโลกก็ว่าได้

2.ในปีค.ศ. 1984 หลังก่อตั้งบริษัทแอปเปิลมาได้สิบปี สตีฟ จอบส์ในวัยสามสิบก็เริ่มถูกกดดันจากฝ่ายบริหาร และลดบทบาทในการทำงานลง เพราะพวกเขามีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกัน

ตอนนั้นสตีฟ จอบส์ต้องการจะสร้างนวัตกรรมใหม่ที่จะนำหน้าคู่แข่งอย่างไอบีเอ็มไปอีกสิบปี เพราะเครื่องแอปเปิลทูที่ช่วยฉุดเขาจากคนธรรมดาให้กลายมาเป็นซีอีโอบริษัทดาวรุ่งเริ่มถึงจุดอิ่มตัว หากไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยอดเยี่ยม บริษัทดาวรุ่งอาจกลายเป็นดาวร่วงในไม่ช้า

เพียงแต่ฝ่ายบริหารอย่างจอห์น สกัลลี่ย์ และไมค์ มาร์คคูลา นั้นมองกลับกัน คือแทนที่จะลงทุนในระยะยาว โดยวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อันยอดเยี่ยมขึ้นมา พวกเขาเลือกทำกำไรระยะสั้นโดยเดินตามรอยยักษ์ใหญ่อย่างไอบีเอ็ม ที่เน้นการขายผลิตภัณฑ์ราคาถูกเพื่อทำกำไรมากที่สุด

ดูเหมือนว่าโลกของนักประดิษฐ์อย่างสตีฟ จอบส์และโลกของบรรดานักการตลาดทั้งหลายจะเป็นคนละใบกัน

ในตอนนั้นจอบส์กำลังปลุกปั้นโปรเจ็กต์ใหม่ที่ชื่อ ลิซ่าซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่มีเมาส์และแยกแป้นคีย์บอร์ดจากตัวเครื่องได้ แต่เขากลับถูกถอดจากโปรเจ็กต์กลางอากาศ ก่อนถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทลอยๆ ที่ดูภาพรวม แต่ไร้อำนาจในการบริหาร

จอบส์หัวเสียเพราะเขาไม่มีแผนกของตัวเอง แม้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่ไม่มีอำนาจจัดการอะไร โชคดีที่เขาไปเจอทีมเล็กๆ ทีมหนึ่งที่กำลังพัฒนาโปรเจ็กต์แมคอินทอชกันอยู่ จอบส์ใช้ทีมนี้เองสร้างเครื่องแมคอินทอชที่เปลี่ยนโลกออกมาได้ในที่สุด

เครื่องแมคอินทอชนั้นถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแอปเปิล จนบริษัทอื่นต่างตะลึงไปตามๆ กัน เพราะมันเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกที่มีระบบปฏิบัติการแมคโอเอส มีภาพกราฟิกสวยงามบนหน้าจอที่วงการสื่อสิ่งพิมพ์ทุกบริษัทต้องนำมาใช้

3.ในตอนที่่สตีฟ จอบส์ส่งเครื่องแมคอินทอชออกมา บิล เกตส์ผู้เป็นเจ้าของโปรแกรมดอสได้เห็นระบบปฏิบัติการแมคโอเอสเป็นครั้งแรก เขาจึงเริ่มเขียนระบบปฏิบัติการของตัวเองที่ชื่อวินโดว์ส

ขณะที่ไอบีเอ็มก็ได้ทำคอมพิวเตอร์ที่ใกล้เคียงกันแต่ราคาถูกกว่าออกมา ซึ่งทำให้ยอดขายของเครื่องแมคไม่ดีเลย เพราะผู้คนส่วนใหญ่เลือกพีซี ซึ่งมีราคาถูกกว่า และบริษัทอื่นต่างก็ดำเนินรอยตามไอบีเอ็ม

เมื่อยอดขายเครื่องแมคไม่เป็นไปตามเป้า เก้าอี้ของสตีฟ จอบส์ที่เคยเย็นลงชั่วคราวจากนวัตกรรมเปลี่ยนโลกก็เริ่มร้อนขึ้นอีกหน บอร์ดบริหารส่วนใหญ่จึงร่วมมือกันเพื่อปลดจอบส์ออกจากตำแหน่ง ก่อนจะผลักดันให้จอห์น สกัลลีย์ขึ้นเป็นซีอีโอแทน โดยย้ายจอบส์ให้ไปทำงานในแผนกใหม่ที่ยังไม่มีตัวตน และไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานในแอปเปิลเลย

เมื่อต้องอยู่แบบไร้ตัวตนและไร้ความหมาย สตีฟ จอบส์ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เขาจึงตัดสินใจเขียนจดหมายลาออกโดยที่ยังไม่รู้อนาคต

ข่าวการลาออกของจอบส์กลายเป็นข่าวครึกโครมใหญ่โต เพราะวงการคอมพิวเตอร์นั้นได้รับความสนใจไม่แพ้วงการฮอลลีวู้ด จอบส์กลายเป็นชายหนุ่มที่ล้มเหลวมากที่สุดในทันที การที่เขาถูกบีบให้ออกจากบริษัทของตัวเองนั้นก็ไม่ต่างจากการที่เจ้าชายคนหนึ่งถูกขับออกจากราชบัลลังก์

จอบส์ทำได้เพียงกู้หน้าของตัวเอง โดยรวบรวมมือดี 5-6 คนของแอปเปิลออกมาตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT แต่ว่าบริษัทนี้ไปได้ไม่สวยเท่าไร และ NeXT ก็ล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายปี

4.เมื่อสตีฟ จอบส์มองไม่เห็นแสงสว่างในวงการไอที เขาจึงลองซื้อสตูดิโอพิกซาร์ที่กำลังขาดทุน แล้วใส่ความรักแบบเดียวกับที่เคยทำกับแอปเปิลลงไป ก่อเกิดเป็นภาพยนตร์เรื่อง Toy Story และในที่สุดเขาก็พลิกฟื้นคืนชีพพิกซาร์กลับมาได้สำเร็จ

ขณะเดียวกันไม่มีใครคิดว่า 12 ปีที่จอบส์หายหน้าไปจากแอปเปิล บริษัทจะขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่องจนเกือบล้มละลาย ขณะที่ประธานบริษัทสามคนที่ผลัดกันเข้ามาแก้ปัญหาของแอปเปิลไม่สามารถกู้วิกฤติได้ และที่เหนือความคาดคิดยิ่งกว่าคือ การที่สตีฟ จอบส์ เจ้าชายที่ถูกชิงบัลลังก์ไปจะได้กลับคืนสู่อาณาจักรแอปเปิล

และ เจ้าชายไม่กลับมามือเปล่า เขานำระบบปฏิบัติการใหม่ที่พัฒนาขึ้นที่ NeXT รวมถึงประสบการณ์ 12 ปีที่ขัดเกลาเขาเป็นคนใหม่ เข้ามากอบกู้แอปเปิลที่กำลังขาดทุนให้กลับมาทำกำไรได้ภายในปีเดียว

จอบส์ยกเลิกสายการผลิตอันรุงรังของแอปเปิลที่ผลิตหลายอย่างทั้งปาล์มและเครื่องพริ้นต์ทิ้งไป ให้เหลือเพียง 4 ผลิตภัณฑ์หลักเท่านั้น คือ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสำหรับมืออาชีพและคนทั่วไป และแล็ปท็อปสำหรับมืออาชีพและคนทั่วไป ก่อนจอบส์จะยกหูหาบิล เกตส์เพื่อยุติความบาดหมางทั้งหมด และชักชวนบิล เกตส์มาลงทุนในแอปเปิล

วิสัยทัศน์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของเจ้าชายที่เหมาะสมจะเป็นกษัตริย์ จากนั้นจอบส์ก็สร้างไอพอด คิดไอโฟน และสร้างไอแพดออกมา จนสร้างความฮือฮาให้กับวงการอีกครั้ง นำพาให้ในปีค.ศ. 2013 แอปเปิลกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์สูงที่สุดในโลก แม้เมื่อสิบปีก่อนมันเพิ่งจะขาดทุนจนเกือบเจ๊งมาแล้วก็ตาม

5.การถูกไล่ออกจากแอปเปิลกลายเป็นสิ่งดีที่สุดที่จะเกิดกับผมได้ ภาระอันหนักอึ้งจากความสำเร็จแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเบาสบาย เมื่อผมกลายเป็นมือใหม่ที่มีความเชื่อมั่นน้อยลง ทำให้ผมมีอิสรภาพที่จะเข้าสู่ช่วงที่ผมมีความสร้างสรรค์ที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต

(จาก วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน สฤณี อาชวานันทกุล แปล)

สตีฟ จอบส์อาจเคยประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุน้อย แต่เขาก็ประสบกับความล้มเหลวครั้งใหญ่อย่างรวดเร็วพอๆ กัน เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ นักเขียนรางวัลโนเบลเคยบอกว่า โลกทำลายทุกคน แต่หลังจากนั้นมีหลายคนเข้มแข็งขึ้นจากการถูกทำลายนั้น

ถ้าตอนนี้คุณกำลังเจอวิกฤติ ไม่ต้องตื่นตระหนก ไม่จำเป็นต้องตกใจ เพราะอีกไม่นานบททดสอบที่ผ่านเข้ามาก็จะผ่านพ้นไป

เมื่อคุณผ่านมันมาได้ คุณก็จะแข็งแกร่งขึ้นเช่นเดียวกับสตีฟ จอบส์ที่ได้กลับมากอบกู้อาณาจักร สร้างความฝันใหม่ ก่อนที่จะทำให้มันประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

จำไว้ว่า ความล้มเหลวไม่มีค่าพอจะทำให้ที่คุณหวาดกลัว

จงยิ้มรับอิสรภาพที่มาพร้อมกับมัน และใช้โอกาสนั้นทำฝันของคุณให้เป็นจริง

Cr. Porglon Writer, Editor / สตีฟ จอบส์

Cr/Photo : Pinterest

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น